โดยปกติจะเกิดในรูปแบบของการรวมตัวของเมฆคิวมูโลนิมบัสขนาดยักษ์จนถึงขนาด ที่เรียกว่าซุปเปอร์เซล โดยมีชั้นของเมฆสูงขึ้นไปหลายกิโลเมตร
เมฆ cb จะทำให้เกิดพายุฝนหรือลูกเห็บลงสู่พื้นดินที่มีอากาศร้อนอยู่ การแลกเปลี่ยนความร้อนอย่างรวดเร็วทำให้อากาศร้อนบนพื้นยกตัวขึ้นเร็วจน อากาศเย็นบนก้อนเมฆซึ่งหนักกว่าตกลงสู่พื้นไม่ได้และมีสภาพของความไม่สม ดุลย์ (Unstable) ขึ้น
เมื่ออากาศเย็นสะสมตัวบนก้อนเมฆมากถึงระดับหนึ่ง เนื่องจากอากาศเย็นบนก้อนเมฆหนักกว่าอากาศร้อนบนก้อนเมฆมากสุดท้ายก็ทิ้งตัว ตกลงมา จะเห็นจังหวะการทิ้งตัวเป็นงวงตกมาจากก้อนเมฆ ซึ่งเราจะเห็นเป็นงวงของพายุงอกลงมาจากฟ้านั่นเอง
จากนั้นจะมีการแลกเปลี่ยนความร้อนอย่างรวดเร็วเมื่ออากาศเย็นบนก้อนเมฆตกลงมาจะดันอากาศร้อนบนพื้นให้ลอยขึ้นในลักษณะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
แต่อากาศร้อนบนพื้นร้อนกว่าอากาศร้อนบนก้อนเมฆทำให้ขึ้นไปผลักอากาศเย็นบน ก้อนเมฆตกลงมาเร็วขึ้นไปอีก จุดนี้งวงพายุจะพัฒนาใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นทอร์นาโดสมบูรณ์แบบ
หากความแตกต่างของความร้อนของอากาศจากพื้นและท้องฟ้าไม่มาก เมื่อปรับสมดุลได้
พายุจะสลายตัวโดยเร็วเพราะอากาศเย็นบนก้อนเมฆไม่เหลือพอจะตกลงมาอีก เพราะอุณหภูมิไม่ต่างจากอากาศร้อนบนก้อนเมฆแล้ว
แต่หากอุณหภยังมีความต่างมาก การทวีกำลังจะดำเนินต่อไป เกิดการขยายตัวของทอร์นาโดจาก F1->F5 ได้
0 comments:
Post a Comment