จากการก่อตัวของกระแสลม จนมีความรุนแรงเป็นพายุระดับต่างๆ
ได้มีการตั้งชื่อและแบ่งชนิดออกเป็นระดับต่างๆ และมีความรุนแรงแตกต่างกันไป
สามารถทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และที่อยู่อาศัย
การเตรียมความพร้อมเพื่อการรับมือก็เป็นสิ่งสำคัญ
การอพยพออกจากที่เกิดเหตเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่ชีวิต
กระทั่งปี ค.ศ. 2000 ได้มีการเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ จากทุกโซนของโลกเสนอชื่อพายุได้ประเทศละ 10 ชื่อ โดยกำหนดให้ใช้ภาษาท้องถิ่นในแต่ละประเทศในการตั้งชื่อพายุ
ใน ส่วนของประเทศไทย ตั้งอยู่ในโซนมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนบนและทะเลจีน ใต้ ร่วมกับสมาชิกประเทศอื่นๆ ได้แก่กัมพูชา จีน เกาหลีเหนือ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ลาว มาเก๊า มาเลเซีย ไมโครนีเซีย (รัฐอิสระอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือหมู่เกาะอิน โดนีเซีย) ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สหรัฐฯและเวียดนาม ชื่อพายุจะแบ่งเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 28 ชื่อ ชื่อพายุแต่ละชื่อ จะเรียงตามชื่อประเทศของลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มจากกัมพูชา เรื่อยไปจนถึงเวียดนามซึ่งเป็นอันดับสุดท้าย โดยไทยเราอยู่อันดับที่ 12 เมื่อใช้หมด 1 กลุ่มก็จะขึ้นชื่อแรกในกลุ่มที่ 2 เรียงกันเรื่อยไปจนครบทุกกลุ่ม แล้วจึงกลับมาใช้ชื่อแรกของกลุ่มที่ 1 ใหม่อีกครั้งด้วยเหตุนี้ ทางกรมอุตุนิยมวิทยาจึงได้ตั้ง "คณะกรรมการพิจารณารายชื่อและความหมายของชื่อ" ขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนเสนอชื่อพายุในภาษาไทยที่ที่ประช ุมของ "ศูนย์เตือนภัยพายุไต้ฝุ่นร่วม" (Joint Typhoon Warning Center (JTWC)) ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก โดยมีสมาชิกอีก 14 ประเทศในโซนเดียวกันมาร่วมประชุม จนได้ชื่อพายุของไทยตามลำดับได้แก่ พระพิรุณ ทุเรียน วิภา รามสูร เมขลา มรกต นิดา ชบา กุหลาบและขนุน
ทางอุตุนิยมวิทยาได้ใช้อัตราเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กล างพายุเพื่อแบ่งประเภทพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งเกิดเหนือทะเลหรือมหาสมุทรในเขตร้อน ได้ดังนี้
ประเภท ความเร็วลม
พายุดีเปรสชั่น ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุโซนร้อน ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางระหว่าง 70-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุไต้ฝุ่น ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
การเรียกชื่อพายุนั้นเรียกต่างๆ กันตามบริเวณที่เกิด เช่น
1. ถ้าพายุเกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า พายุไซโคลน
2. ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียกว่า พายุเฮอริเคน
3. ถ้าพายุเกิดในออสเตรเลีย เรียกว่า พายุวิลลี-วิลลี
4. ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีน เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น
ส่วนพายุทอร์นาโดหรือลมงวงช้าง มีลักษณะหมุนเป็นเกลียว โดยจะเห็นลมหอบฝุ่นละอองเป็นลำ พุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ คล้ายมีงวงหรือปล่องยื่นลงมา พายุนี้เกิดขึ้นได้ทุกทวีป แต่เกิดบ่อยที่สุดในทวีปออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เกิดได้เกือบตลอดปี พายุนี้มีอำนาจทำลายร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งต่างๆ รวมทั้งชีวิตมนุษย์และสัตว์ด้วย ขณะเกิดพายุนี้มักมีฟ้าคะนองและฝนตกหนักขึ้นพร้อมกัน บางครั้งยังมีลมพายุพัดกระโชกแรง พาเอาลูกเห็บมาด้วย พายุทอร์นาโดจะเกิดในเมฆที่ก่อตัวทางตั้งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว
นอกจากลมจะทำให้เกิดความเสียหายแล้ว แต่ก็ยังให้ประโยชน์กับมนุษย์มากมาย เช่น ใช้ในการแล่นเรือ ในชีวิตประจำวัน ลมทำให้ผ้าแห้ง ช่วยให้เกิดความเย็นสบาย ช่วยหมุนกังหันเพื่อฉุดระหัดวิดน้ำ ปั๊มสูบน้ำ ปั่นไฟ ใช้ประโยชน์จากแรงลมซึ่งเป็นการใช้พลังงานที่ไม่ทำลา ยสภาพแวดล้อม
พายุ คือ สภาพบรรยากาศที่ถูกรบกวนแบบใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อพื้นผิวโลก และบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่รุนแรง เวลากล่าวถึงความรุนแรงของพายุ จะมีเนื้อหาสำคัญอยู่บางประการคือ ความเร็วที่ศูนย์กลาง ซึ่งอาจสูงถึง 400 กม./ชม. ความเร็วของการเคลื่อนตัว ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุ และขนาดความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวพายุ ซึ่งบอกถึงอาณาบริเวณที่จะได้รับความเสียหายว่าครอบคลุมเท่าใด ความรุนแรงของพายุจะมีหน่วยวัดความรุนแรงคล้ายหน่วยริกเตอร์ของการวัดความ รุนแรงแผ่นดินไหว มักจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ประเภทของพายุพายุแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท คือ
1.พายุฝนฟ้าคะนอง มีลักษณะเป็นลมพัดย้อนไปมา หรือพัดเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกัน อาจเกิดจากพายุที่อ่อนตัวและลดความรุนแรงของลมลง หรือเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ร่องความกดอากาศต่ำ อาจไม่มีทิศทางที่แน่นอน หากสภาพการณ์แวดล้อมต่าง ๆ ของการเกิดฝนเหมาะสม ก็จะเกิดฝนตก มีลมพัด
2.พายุหมุนเขตร้อนต่าง ๆ เช่น เฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ซึ่งล้วนเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน และจะเกิดขึ้นหรือเริ่มต้นก่อตัวในทะเล หากเกิดเหนือเส้นศูนย์สูตร จะมีทิศทางการหมุนทวนเข็มนาฬิกา และหากเกิดใต้เส้นศูนย์สูตรจะหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยมีชื่อต่างกันตามสถานที่เกิด กล่าวคือ
1.พายุเฮอร์ริเคน (hurricane) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดบริเวณทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก เช่น บริเวณฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อ่าวเม็กซิโก ทะเลแคริบเบียน เป็นต้น รวมทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณชายฝั่งประเทศเม็กซิโก
2.พายุไต้ฝุ่น (typhoon) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ เช่น บริเวณทะเลจีนใต้ อ่าวไทย อ่าวตังเกี๋ย ประเทศญี่ปุ่น
3.พายุไซโคลน (cyclone) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียเหนือ เช่น บริเวณอ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ เป็นต้น แต่ถ้าพายุนี้เกิดบริเวณทะเลติมอร์และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ออสเตรเลีย จะเรียกว่า พายุวิลลี-วิลลี (willy-willy)
4.พายุโซนร้อน (tropical storm) เกิดขึ้นเมื่อพายุเขตร้อนขนาดใหญ่อ่อนกำลังลง ขณะเคลื่อนตัวในทะเล และความเร็วที่จุดศูนย์กลางลดลงเมื่อเคลื่อนเข้าหาฝั่ง
5.พายุดีเปรสชัน (depression) เกิดขึ้นเมื่อความเร็วลดลงจากพายุโซนร้อน ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองธรรมดาหรือฝนตกหนัก
3.พายุทอร์นาโด (tornado) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดในทวีปอเมริกา มีขนาดเนื้อที่เล็กหรือเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย แต่หมุนด้วยความเร็วสูง หรือความเร็วที่จุดศูนย์กลางสูงมากกว่าพายุหมุนอื่น ๆ ก่อความเสียหายได้รุนแรงในบริเวณที่พัดผ่าน เกิดได้ทั้งบนบก และในทะเล หากเกิดในทะเล จะเรียกว่า นาคเล่นน้ำ (water spout) บางครั้งอาจเกิดจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า แต่หมุนตัวยื่นลงมาจากท้องฟ้าไม่ถึงพื้นดิน มีรูปร่างเหมือนงวงช้าง จึงเรียกกันว่า ลมงวง
ลมสลาตัน เป็นชื่อภาษาไทยใช้เรียกลมแรงหรือพายุช่วงปลายฤดูฝนที่พัดจากทิศตะวันตก เฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย นอกจากนี้ยังใช้เรียกพายุทั่วไปที่มีความรุนแรงทุกชนิด รวมทั้งพายุต่างๆ ข้างต้นที่มีความรุนแรงข้างต้น
พายุ ชื่อย่อ สัญลักษณ์ ความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลาง
ดีเปรสชั่น TD D ไม่ถึง ๓๔ นอต (๖๓ ก.ม./ชั่วโมง)
(Depression)
โซนร้อน TS S ๓๔-๖๓ นอต (๖๓-๑๑๘ ก.ม./ชั่วโมง)
(Tropical Storm)
ไต้ฝุ่น (Typhoon) TY ตั้งแต่ ๖๔ นอต (๑๑๘ ก.ม./ชั่วโมง)
พายุครั้งสำคัญในประเทศไทย
1. พายุโซนร้อน “แฮเรียต” ที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ มีผู้เสียชีวิต ๘๗๐ คน สูญหาย ๑๖๐ คน บาดเจ็บ ๔๒๒ คน ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย ๑๖,๑๗๐ คน ทรัพย์สินสูญเสียราว ๙.๖ ร้อยล้านบาท
2. พายุไต้ฝุ่น “เกย์” ที่พัดเข้าสู่จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ความเร็วของลมวัดได้ ๑๒๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ประชาชนเสียชีวิต ๖๐๒ คน บาดเจ็บ ๕,๔๙๕ คน บ้านเรือนเสียหาย ๖๑,๒๕๘ หลัง ทรัพย์สินสูญเสียราว ๑๑.๗พันล้านบาท
3. พายุไต้ฝุ่น “ลินดา” ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ถึง ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ ทำให้เกิดความเสียหายจากพายุ อุทกภัย และคลื่นซัดฝั่งในพื้นที่ ๑๑ จังหวัดของภาคใต้และภาคตะวันออกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๒
วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดพายุ
๑. อพยพไปอยู่ในที่กำบังที่ปลอดภัยเช่นตึกที่แข็งแรง
๒. หลบอยู่ในที่กำบังจนกว่าลมจะยุติ
๓. ปิดหน้าต่าง และประตูด้วยแผ่นกระดานที่แข็งแรง และผูกมัดสิ่งของที่อาจจะปลิวไปกับลม
๔. ดับไฟฟ้า ปิดน้ำ ปิดแก๊ส
๕. อพยพออกจากพื้นที่ที่อาจจะเกิดน้ำท่วม
๖. ฟังข่าวสารจากทางสื่อต่าง ๆ และติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา
๗. ติดตั้งสายล่อฟ้าสำหรับอาคารสูงๆ
๘. ไม่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ขณะมีฟ้าคะนอง
๙. ฝึกซ้อมการป้องกันภัยพิบัติ เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น
๑๐. อุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วิทยุกระเป๋าหิ้วติดตามข่าวสาร
๑๑. เตรียมพร้อมอพยพเมื่อได้รับแจ้งให้อพยพ
ตารางแสดงรายชื่อพายุ
I II III IV V
- Damrey ดอมเรย Kong-rey กองเรย Nakri นากรี Krovanh กรอวาญ(กระวาน) Sarika สาริกา
- Longwang หลงหวาง Yutu ยู่ทู่ Fengshen ฟงเฉิน Dujuan ตู้เจี้ยน Haima ไหหม่า
- Kirogi ไคโรจิ Toraji โทราจิ Kalmaegi คัลเมจิ Maemi เมมิ Meari มิอะริ
- Kai-tak ไคตั๊ก Man-yi มานหยี่ Fung-wong ฟองวอง Choi-wan ฉอยหวั่น Ma-on หมาง้อน
- Tembin เทมบิง Usagi อุซางิ Kammuri คัมมุริ Koppu คอบปุ Tokageโทะคาเงะ
- Bolaven โบลาเวน Pabuk ปาบึก Phanfone พันฝน Ketsana กิสนา(กฤษณา) Nock-tenนกเตน
- Chanchu จันจู Wutip หวู่ติ๊บ Vongfong หว่องฟง Parma ป้าหม่า Muifa หมุ่ยฟ้า
- Jelawat เจอลาวัต Sepat เซอปัต Rusa รูซา Melor เมอโลร์ Merbok เมอร์บุก
- Ewiniar เอวิเนียร์ Fitow ฟิโทว์ Sinlaku ซินลากอ Nepartak เนพาร์ตัก Nanmadolนันมาดอล
- Bilis บิลิส Danas ดานัส Hagupit ฮากุปิต Lupit ลูปีต Talas ตาลัส
- Kaemi เกมี Nari นารี Changmi ชังมี Sudal ซูแดล Noru โนรู
- Prapiroon พระพิรุณ Wipha วิภา Mekkhala เมขลา Nida นิดา Kulap กุหลาบ
- Maria มาเรีย Francisco ฟรานซิสโก Higos ฮีโกส Omais โอไมส์ Roke โรคี
- Saomai ซาวไม Lekima เลกีมา Bavi บาหวี่ Conson โกนเซิน Sonca เซินกา
- Bopha โบพา Krosa กรอซา Maysak ไม้สัก Chanthu จันทู Nesat เนสาด
- Wukong หวู่คง Haiyan ไห่เยี่ยน Haishen ไห่เฉิน Dianmu เตี้ยนหมู่ Haitang ไห่ถาง
- Sonamu โซนามุ Podul โพดอล Pongsona พงโซนา Mindulle มินดอนเล Nalgae นาลแก
- Shanshan ซานซาน Lingling เหล่งเหลง Yanyan ยันยัน Tingting เถ่งเถง Banyan บันยัน
- Yagi ยางิ Kajiki คะจิกิ Kujira คุจิระ Kompasu คอมปาซุ Washi วาชิ
- Xangsane ซ้างสาน Faxai ฟ้าใส Chan-hom จันหอม Namtheun น้ำเทิน Matsa มัดสา
- Bebinca เบบินคา Vamei ฮัวเหม่ย Linfa หลิ่นฟ้า Malou หม่าโหล Sanvu ซันหวู่
- Rumbia รุมเบีย Tapah ตาปาห์ Nangka นังกา Meranti เมอรันตี Mawar มาวาร์
- Soulik ซูลิก Mitag มิแทก Soudelor เซาเดโลร์ Rananim รานานิม Guchol กูโชล
- Cimaron ซิมารอน Hagibis ฮากิบิส Imbudo อิมบุโด Malakas มาลากัส Talim ตาลิม
- Chebi เชบี Noguri โนกูรี Koni โคนี Megi เมกี Nabi นาบี
- Durian ทุเรียน Rammasun รามสูร Morakot มรกต Chaba ชบา Khanun ขนุน
- Utor อูตอร์ Chataan ชาทาอาน Etau เอตาว Aere แอรี Vicente วีเซนเต
- Trami จ่ามี Halong หะลอง Vamco หว่ามก๋อ Songda ซงด่า Saola ซาวลา
หมายเหตุ เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2545 คำสะกดและความหมายตาม ราชบัณฑิตยสถาน
- กัมพูชา ดอมเรย์ กองเรย์ นากรี กรอวาญ สาริกา โบพา กรอซา ไมสัก จันทู เนสาด
- จีน หลงหวาง ยูทู ฟงเฉิน ตู้เจี้ยน ไหหม่า หวู่คง ไห่เยี่ยน ไห่เฉิน เตี้ยมู่ ไห่ถัง
- เกาหลีเหนือ ไคโรจิ โทราจิ เคาเมจิ เมมิ มิอะริ โซนามุ โพดอล พงโซนา มิดอนเล นอเก
- ฮ่องกง ไคตั๊ก มานยี่ ฟองวอง ฉอยหวั่น มาง่อน ซานซาน แหล่งแหลง ยันยัน เทงเท๋ง บันหยัน
- ญี่ปุ่น เทมบิน อุซางิ คุมมุริ ขอบปุ โทะคาเงะ ยางิ คะจิคิ คุจิระ คอมปาซึ วาชิ
- มาเก๊า จันจู วิทิบ หวังฟง พาร์มา มุ้ยฝ่า เบบินก้า ฮัวเหม่ย หลินฝ่า หม่าเหลา ซันหวู่
- มาเลเซีย เจอลาวัต เซอพัต รูซา มีเลอ เมอร์บุค รัมเบีย ทาปา นังก้า เมอรันติ มาวา
- ไมโครนีเซีย เอวินตา ฟิโท ซินลากู เนพาทัค นันมาดอล ซูลิค มิแทค ซูเดโล รานานิม กูโชว
- ฟิลิปปินส์ บิลิส ดานัส ฮากุปิด ลูปิด ทาลัส ซิมารอน ฮาจิบิส อิมบุโด มาลากัส ทาลิม
- เกาหลีใต้ เกมี นารี ชังมี ซูดาล โนรู เชบี โนกูรี โกนี เมกี นาบี
- สหรัฐฯ มาเรีย ฟรานซิสโก ฮีโกส โอเมส โรเค อูโท ชาทาน อีโท โคโด วีเซนเต้
- เวียดนาม เซลไม เลคคีมา บาวี คอนซอน ซอนคา ทรามี ฮาลอง แวมโค ซองดา เซลลา
0 comments:
Post a Comment